[OS] ไม่มีครั้งที่สอง (ผิงเสีย)
By Fenrir
เมื่อได้ข่าวว่าห้างเล็กๆใกล้บ้านในหังโจวกำลังจัดSaleกระหน่ำก่อนปิดกิจการ ผมก็เลยถือโอกาสนี้ลากเสี่ยวเกอออกไปช้อปปิ้งด้วยกันซะเลย
ไอ้ ผมน่ะก็ไม่ได้อะไรหรอก แต่แค่เห็นว่าเสื้อผ้าของคนๆนี้น่ะมีน้อยจนใช้มือเดียวนับได้ แถมแบบก็เหมือนๆกันไปซะหมดเหมือนกับไปซื้อยกแพ๊คมา! ความจริงเสี่ยวเกอก็อาจไม่ได้สนเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว มีอะไรใส่ได้ก็ใส่ไป ใส่แล้วก็ซักๆเวียนๆไป พอนานวันเข้ามันก็เก่า สีก็ซีด ถ้าไม่ขาดคนนี้ก็ถือว่ามันยังใช้ได้อยู่ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องแฟชั่นหรือเอาความดูดีเข้าว่า
เอาวะ ไหนๆก็เลี้ยงเพื่อนมาซะขนาดนี้ มีข้าวมีน้ำให้กิน มีบ้านให้นอนสบาย จะมางกไม่เข้าเรื่องกับเสื้อผ้าก็ยังไงอยู่ ผมก็เลยเดินไปหาเจ้าตัวที่นั่งเหม่อมองนอกหน้าต่างที่ทำเลเดิม พูดกับเขาว่า”เสี่ยวเกอ ไปซื้อของกัน”แล้วก็จับมือลากเขาออกมาจากร้านเลย ถ้านายไม่ว่าอะไรฉันถือว่านายโอเค! (ลองเขาดื้อแพ่งกับผมสิ...ต่อให้อ้อนวอนหรือฉุดกระชากลากถูให้ตายเขาก็ไม่ ลุกหรอก)
เมินโหยวผิงไม่ได้พูดอะไรเลย เขาได้แต่เดินตามหลังผมอยู่ใกล้ๆ ผมพาเขาเข้าห้างตรงมายังแผนกเสื้อผ้า ป้ายSaleมหึมาสีแดงเด่นหราด้วยตัวเลข80%ดึงดูดทั้งสาวเล็กสาวใหญ่มากหน้า หลายตาให้เข้ามาทั้งคุ้ยทั้งรุมทึ้งกองเสื้อผ้าสูงเป็นหย่อมๆราวกับสงคราม ผมได้แต่เหงื่อตกไม่คิดจะเอาตัวไปเสี่ยงตายในสมรภูมิโดยเด็ดขาด จึงนำเขาไปยังแผนกเสื้อผ้าบุรุษที่ติดป้ายSaleอยู่ใกล้ๆ มีทั้งชุดแบบลำลองและชุดแบบทางการกองอยู่รวมๆกัน ผมหยิบๆจับๆเสื้อสองสามตัวขึ้นมาดูแล้วทาบเข้ากับตัวของเมินโหยวผิง
“ถ้านายชอบตัวไหนก็เอาไปลองได้เลยนะ เรื่องเงินไม่ต้องห่วง”
ผม บอกเขา โยนเสื้อตัวแรกทิ้งกลับเข้ากอง แล้วคว้าอีกตัวขึ้นมาทาบกับตัวของเขาแทน มันเป็นเสื้อยืดสีเทาคอวีแขนยาว แค่ทาบก็รู้สึกว่าเสี่ยวเกอแม่งดูดีชะมัด! ตัวนี้ผ่าน! ผมหย่อนเสื้อที่ว่าลงในตะกร้าของผม มาช้อปปิ้งงานนี้ทั้งเขาทั้งผมไม่ได้กลับบ้านไปมือเปล่าแน่ๆ แต่ระหว่างที่ผมกำลังขุดๆคุ้ยๆเสื้อผ้าในกองอยู่นั้น ผมก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่สัมผัสแผ่นหลังของผมอยู่ พอผมเอี้ยวตัวหันไปมองก็พบกับ........สีแดง?
สีแดงกับลายจุดสีเหลือง?
เมิน โหยวผิงยังคงสีหน้าราบเรียบราวกับรูปแกะสลักหินไว้ไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าสิ่งที่อยู่ในมือจะโครตพ่อโครตแม่แบ๊วขัดกับหน้าตาคนถือโดยสิ้นเชิง! นี่มันเสื้อฮู้ดสตรอว์เบอร์รี่ชัดๆ! แถมยอดฮู้ดยังมีใบไม้สีเขียวอีก! สองมือของเขาจับเสื้อฮู้ดสีแดงสดแต้มลายจุดสีเหลืองประปรายทาบกับหลังของผม ค้างไว้แล้วบอก
“ชอบ”
ยังไม่หายตกใจกับของคิกขุอาโนเนะในมือ ก็ต้องมาช็อคกับรสนิยมของคนตรงหน้าแล้วรู้สึกเหมือนโดนทรยศ ผมกลอกตามองหน้าเสี่ยวเกอสลับกับของในมือ แม่ง ผมคาดไม่ถึงเลยว่าคนใบ้จาง จางฉี่หลิง อาคุน เมินโหยวผิง เสี่ยวเกอ หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ กลับมาชอบอะไรที่มันคัลเลอร์ฟูลแบบสาวน้อยนี่!!! นายอ้วนฉันขอโทษ! ฉัมไม่น่าด่านายเลยตอนที่รู้ว่านายซื้อกางเกงในลายลูกเจี๊ยบมาให้เสี่ยวเก อเลยถ้ารู้ว่าเขาชอบแนวนี้ นายแม่งสายตาแหลมคม! ต่อจากนี้นายจะซื้ออะไรมาให้เสี่ยวเกอฉันจะไม่ว่าอีกแล้ว!
น้ำตาที่ หลั่งในใจเพราะอยู่ด้วยกันมานานแต่เพิ่งจะมารู้ความชอบของอีกฝ่ายยังไม่แห้ง ดี ผมถามย้ำอีกครั้งให้มั่นใจ “นายชอบตัวนี้จริงๆน่ะเหรอ?”
เขาพยักหน้า
“จริงนะ?” พยักหน้าซ้ำ .....ตกลงนายชอบอะไรแบบนี้จริงๆสินะ “ถ้านายชอบ ก็ทิ้งใส่ตะกร้านี่เลย”
ผมผละไปดูเสื้อผ้าต่อ จากหางตาก็ยังไม่เห็นวี่แววของสีจี๊ดบาดใจในตะกร้าข้างตัวเสียที
ผมหันไปมอง เมินโหยวผิงยังยืนนิ่ง ไม่ใส่เสื้อตัวนั้นลงมาในตะกร้าเสียที “เสี่ยวเกอ?”
“...”
เขาขยับปากหากผมไม่อาจได้ยิน จึงขยับเข้าไปใกล้ “ว่าอะไรนะ?”
“นาย....ไม่ลอง?”
ผมขมวดคิ้ว “ลอง? อ๋อ ห้องลองอยู่ทางโน้นน่ะ” ผมชี้ไป
เขาส่ายหน้า เฮ้ ถ้านายไม่รีบไป เดี๊ยวสาวๆก็แย่งห้องลองหมดหรอก
เราประสานสายตากันชั่วครู ในที่สุดเขาก็เอ่ยปาก
“นายบอกว่าถ้าชอบตัวไหน ก็ให้ลอง”
ผมยังไม่เข้าใจ “อ่าฮะ แล้ว?”
เมินโหยวผิงส่ายหน้า พ่นลม ไอ้ท่าทางที่ทำเหมือนผมกลายเป็นเด็กที่พูดอะไรด้วยไม่รู้เรื่องนี่มันอะไรกันวะ!
เจ้าตัวทาบเสื้อฮู้ดลงบนหน้าอกของผมอีกครั้ง แล้วยิ้ม
เดี๊ยวก่อนนะ....
“มันเหมาะกับนาย ฉันชอบ” ขยับตัวเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่นเป่ารดบนแก้มและจมูก ย้ำอีกครั้ง “ชอบมาก”
...รู้สึก เหมือนทุกอย่างในหัวระเบิดบรึ้ม หน้าร้อนผ่าวเหมือนเอาถุงน้ำร้อนมาแนบหน้าทั้งซ้ายขวาจนแทบสุก สติสตางค์กระเจิดกระเจิงเหมือนฝูงด้วงในสุสานแตกฮือ นี่มันกลางห้าง! กลางหังโจวเลยนะเฮ้ย! ผมสาบานได้ว่าหน้าผมตอนนี้ต้องแดงแปร๊ดแซงฮู้ดสตรอวเบอร์รี่ในมือไอ้บ้าเมิน โหยวผิงแน่ๆ อย่าบอกนะว่าที่หมอนี่บอกว่าชอบก็เพราะอยากจะให้ผมใส่!
"นาย ล้อเล่น?" หลุดปากถามโง่ๆออกไปแล้วแทบกลืนน้ำลายไม่ลง เสี่ยวเกอน่ะเหรอล้อเล่นเป็น แถมด้วยแววตาแบบนี้... แต่นี่มันแปลกเกินไปแล้ว!
“เสี่ยวเกอ เรามาที่นี่ก็เพื่อซื้อเสื้อผ้าให้นายนะ ไม่ใช่ให้ฉัน ถ้านายชอบตัวไหนนายก็ลองเอง ใส่เอง” ผมกล่อม
“ฉัน รู้ แต่นี่เหมาะกับนายมาก” เวรล่ะ คนดื้อนี่แม่งดื้อจริงๆ ผมจะไม่อธิบายให้หมอนี่ฟังหรอกนะว่าเสื้อฮู้ดสุดน่ารักในมือเขามันไม่ใช่ ปัญหา
“ฉันไม่ใส่ นายชอบก็ใส่เองสิเสี่ยวเกอ”
“แต่มันเหมาะกับนายมากกว่า”
ปัญหาน่ะมันอยู่ที่ไอ้คนดื้อเงียบข้างหน้านี่แหละ!
“ฉันไม่เอา” ผมมองสีแดงแปร๊ดแล้วขนลุกทั้งตัวด้วยเหตุผลบางอย่าง
“ฉันจะเอา” มีเถียง! จู่ๆก็หายใบ้เอาง่ายๆเลยเรอะ!
“ถ้าอยากได้ก็ควักเงินซื้อเองสิ!”
“นายบอกว่าเรื่องเงินไม่ต้องห่วง” โอ๊ย! ทีแบบนี้พ่อคุณดันงกแถมจำได้แม่นอีก นายเอาสมองไปจำเรื่องที่ควรจะจำดีกว่าไหม?
“งั้น ฉันไม่ซื้อให้!” ปกติเสี่ยวเกอไม่ได้พกเงินติดตัวเอาไว้ถ้าไม่มีเหตุต้องใช้ แล้วนี่ผมถือวิสาสะลากเขาออกมากะทันหันก็คงไม่มีเวลาหยิบเงินออกมาด้วย
โดน ไม้นี้ไป เขานิ่งเงียบเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ เขาไม่ใช่คนพูดเรื่อยเปื่อยผมรู้ การที่เขาย้ำจริงๆจังๆขนาดนี้ต้องนับว่าเป็นพัฒนาการอีกขั้นของมนุษย์ที่คิด ว่าตัวเองตัดขาดจากโลกไปแล้วว่าอย่างน้อยเขาก็มีเรื่องอื่นให้คิดให้สนใจ แต่ทำไมต้องเป็นเรื่องนี้วะเสี่ยวเกอ?
“....นายอยากให้ฉันใส่ไอ้นี่จริงๆเหรอ?”
พยักหน้า
“นายชอบชุดนี้เพราะมันเหมาะกับฉันเนี่ยนะ?”
พยักหน้าซ้ำ หนอย ทีแบบนี้ล่ะพยักหน้ารับอย่างเดียว
“เสียใจ ด้วยนะเสี่ยวเกอ ฉันไม่ซื้อเสื้อผ้าที่ฉันไม่ได้ลองในร้านหรอกนะ” ผมยื่นประกาศิต ชักแม่น้ำมาทุกสายเท่าที่ทำได้ ความจริงผมมั่วไปทั้งเพ! เรื่องเสื้อผ้านี่ขอแค่ผมชอบและทาบๆดูคิดว่าผมใส่ได้ก็เอา ไม่ได้ต้องวัดตรงนั้นตรงนี้หรือลองอะไรในห้องให้วุ่นวายนักเหมือนเสี่ยวฮัว ที่พิถีพิถันเรื่องการแต่งกาย และเพราะที่นี่เป็นห้างเล็กๆ ห้องลองชุดจึงมีน้อย ประจวบเหมาะกับตอนนี้ที่พวกเรามาช้อปปิ้งในเวลาเดียวกับพวกสาวๆพอดีทำให้พวก หล่อนใช้กันจนเต็มแถมยังยืนออกันรอยื้อแย่งอยู่เป็นพรวน ไม่เหลือวี่แววว่าจะมีโอกาสให้สองบุรุษได้ใช้เลยแม้แต่น้อย แต่ขืนเขาไม่พูดอะไรสักอย่าง ไอ้สัญชาตญาณที่ร้องบอกถึงอันตรายที่จากรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อๆเมื่อกี้มัน ต้องมีความหมายอะไรแน่ๆ!!
“อย่างที่ฉันบอกไป ถ้านายชอบตัวไหน นายก็ต้องเป็นคนลองเอง ถ้านายจะซื้อเจ้านี่ฉันไม่ว่า แต่ไม่ใช่ด้วยเงินของนายน้อยสามคนนี้แน่นอน”
เอ้า ลองพ่อพูดขนาดนี้แล้วผมไม่ยอมง่ายๆแน่ บุรุษดาบดำจอมเทพเวลาลงกรวยอย่างจางฉี่หลิงคงจะไม่ได้ติดใจอะไรจริงจังกับ ของอะไรแบบนี้นักหนาหรอก...ใช่ไหม? ถ้าเป็นนายอ้วนหวังค่อยว่าไปอย่าง---
“ถ้างั้น...”
บังเกิด ความเงียบฉับพลันกลางแผนกเสื้อผ้าSale ก่อนเสียงกรี๊ดปรอทแตกจะดังแผดลั่นจนกระดูกโกลนแทบลุกออกมาเต้นนอกหู เมินโหยวผิงกำลังถอดเสื้อฮู้ดของตัวเองออก! ผมตาเบิกกว้าง พูดไม่ออกไปชั่วขณะ จวบจนเสื้อตัวเก่งที่อยู่บนร่างอีกฝ่ายถูกรูดจนพ้นศีรษะ แล้วเจ้าตัวก็สะบัดมันลงไปกองกับพื้นใกล้ๆด้วยท่วงท่าประหนึ่งนายแบบโฆษณา ชุดซัมเมอร์คอเลคชั่นกลางชายหาด! มือที่มีสองนิ้วเรียวยาวเป็นพิเศษจับที่ชายเสื้อกล้ามสีขาวแนบไปกับลำตัว หมายจะดึงรั้งปราการด่านสุดท้ายบนท่อนบนออก
หมับ!
ผมได้สติ แล้วคว้ามือที่ดึงชายเสื้อค้างไว้เหนือขอบกางเกงไม่เท่าไหร่หมับ จ้องตาเขม็ง ให้ตายนี่นายทำบ้าอะไรของนายวะเมินโหยวผิง!!! ผมก้มลงไปหยิบเสื้อฮูดสีน้ำเงินของเขามาสวมให้ ....แล้วนายมาเสือกขี้ร้อนอะไรตอนนี้วะ!! ผมรีบๆดึงเสื้อให้ลงมาปกปิดรอยสักกิเลนที่เริ่มปรากฏจางๆบริเวณต้นคอและบ่า ที่โผล่พ้นขอบเสื้อกล้าม ไม่ซงไม่ซื้อแม่งแล้ววันนี้! เสร็จแล้วจูงเขาออกมานอกแผนกเสื้อผ้าทันที ได้ยินเสียงร้องโอดบ่นเสียดายจากสาวน้อยสาวแก่แม่หม้ายรอบๆแถมพนักงานหญิง ทั้งหลายก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ถ่ายหาพ่อง พวกอีห่านี่สมควรโดนไล่ออกให้หมด!
“เสี่ยวเกอ” ผมกลั้นหายใจ “...นายบอกฉันทีว่านี่มันอะไร”
“ฉันซื้อมาเอง” เออดีๆ เดี๊ยวนี้รู้จักหัดออกไปไหนมาไหนเองเหมือนมนุษย์มนาเขาแล้ว เดี๊ยว นั่นไม่ใช่ประเด็น
ที่ฉันอยากจะถามคือ นายซื้อไอ้ชุดบ้านี่มาทำไม!
ตอน ที่ผมนั่งนั่งหนังสือชิลๆอยู่ในร้าน เสี่ยวเกอก็เดินเข้ามา บอกว่ามีอะไรจะให้ดูในห้อง พอตามขึ้นมาก็เห็นไอ้ชุดสีแดงเจ้าปัญหาวางแผ่หราตัดกับผ้าปูเตียง ผ่านมาตั้งสามวันแล้วนายยังติดใจอะไรนักหนากับไอ้ชุดสตรอว์เบอร์รี่นี่วะ ไอ้หมอนี่แม่งพอผมไม่ซื้อให้ถึงกับยอมแคะกระปุกหมูเอาเงินที่ได้จากลงกรวยไป ซื้อมาเองตัวคนเดียว ความมุ่งมั่นของนายนี่โครตน่าประทับใจเลยถ้าไม่ใช่เรื่องนี้!
ขณะที่ ผมกำลังสบถงึมงัมด้วยถ้อยคำสรรเสริญบรรพบุรุษสกุลจางจนนอนสะดุ้งเฮือกๆในโลง ตราบจนภพหน้า ก็ไม่ทันได้สังเกตว่าอีกฝ่ายเดินไปปิดประตูห้อง กว่าจะหันไปมองก็ตอนที่เมินโหยวผิงล็อคกลอนประตูดังกริ๊ก
“...ล็อคประตูทำไม” ผมก้าวถอยหลัง คนตรงหน้าทำแค่มองผมนิ่งๆ แต่ไอ้รังสีคุกคามที่แผ่ออกมานี่แม่งไม่คิดจะปิดบังเลยสักนิด!
“นายต้องลองชุด”
“ก็แค่ฮู้ด สวมทับธรรมดาๆก็ได้”
“เสื้อมันหนา เดี๊ยวนายจะอึดอัด”
กิเลนที่อกนายนั่นแหละโว้ยที่ทำให้ฉันอึดอัด!
“งะ งั้นนายออกไปก่อน เดี๊ยวฉันจะใส่เอง”
ขยับไปจนสองขาติดผนังห้อง ผมหลบสายตาที่มองมา
“อู๋เสีย”
“อะไร”
ผมก้มหน้ามองพื้น จากมุมนี้ผมเห็นปลายเท้าของเสี่ยวเกอที่ก้าวมาอยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน
“ฉันเป็นคนซื้อ”
มือขวาที่ใช้ปลดกลไกสุสานมานักต่อนัก มือที่ช่วยชีวิตผมมานับครั้งไม่ถ้วน มือที่ทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นเทพผู้ไร้เทียมทานยามบุกสุสาน
เป็นมือข้างเดียวกันที่เริ่มเขี่ยกระดุมจากรังของมัน ทีละเม็ด จากบนลงล่าง
“ก็ต้องเป็นคนสวม”
...ถ้า มีคราวหน้าที่ผมพาเสี่ยวเกอออกมาซื้อเสื้อผ้าอีก ขอสาบานต่อหน้าฟ้าดินเลยว่าผมจะไม่ยอมปล่อยให้เขาเลือกคนเดียวอีกเป็นครั้ง ที่สอง!
------------------------------------------------
Talk
เป็นฟิคที่ร้าวรานใจที่สุดเท่าที่เคยเขียนเลยค่ะ ไม่ใช่เพราะเรื่องแต่เป็นเรื่องทางเทคนิค เพราะบราวเซอร์ดับค่ะ! //ตึง
ปกติ จะพิมพ์สดใส่Twitlongerไว้เลย ปกติเวลาเราปิดมันจะเซฟให้ชั่วคราวใช่มั้ยคะ แต่คราวนี้มันไม่เซฟไว้ให้ค่ะ น้ำตาแทบไหลพรากเพราะเหลือแค่พิมพ์Talkก็จะกดส่งแล้ว กลายเป็นว่าแทนที่ฟิคนี้ควรจะเสร็จตั้งแต่ก่อน1ทุ่ม ก็ดันมาเสร็จเอาหลังเที่ยงคืน ล่วงเข้าเช้าวันใหม่ไปแล้วเรียบร้อย #ร้องไห้หนักมาก
แต่พอมาเขียนครั้งที่สองก็ต้องกู้ความจำออกมาให้ได้ มากที่สุดค่ะ มีหลายท่อนเหมือนกันที่ลืมว่าเราเขียนอะไรไป ใช้สำนวนแบบไหนไป บางอันเลยต้องคิดใหม่ แต่บางจุดก็เติมเพิ่มให้สมบูรณ์ขึ้น กำลังพยายามคิดซะว่าเหมือนได้โอกาสรีไรท์ใหม่(แบบไม่ได้ตั้งใจ) TwT
สำหรับ ที่มาของเรื่องขอยกให้คุณปอยิ้มค่ะที่ทวิตคลิปทำน้องเจี๊ยบใส่ฮู้ดสุดน่ารัก จากผลไม้ มันจะเป็นแค่คลิปทำของน่ารักกุ๊กกิ๊กธรรมดาถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณปอยิ้มพูด ว่ามันเป็นเจี๊ยบเสี่ยวเกอสวมฮู้ดสตรอวเบอร์รี่! ในขณะที่คนอื่นมุ้งมิ้งไป เราก็กาวออก! สารภาพว่าวันนี้ป่วยเลยนอนเผละอยู่บ้าน สุดท้ายกู้พลังชีวิตมานั่งพิมพ์ในคอมเพราะทนไม่ไหวค่ะ (อีนี้บ้ากาว)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น