5/5/58

[OS] เรียนรู้ (ผิงเสีย)




[OS] เรียนรู้ (ผิงเสีย)



By Fenrir




[สปอยล์เล่ม10]












แม้ได้อยู่ใกล้ชิดกันมานมนาน คนๆนี้ยังมีอะไรอีกมากมายให้เขาได้ทำความรู้จัก


นิ้วชี้ที่เรียวยาวเป็นพิเศษจรดลงบนหลังคอ วนรอบตำแหน่งหนึ่งซ้ำๆ


"ทำอะไร...?"


คนโดนจิ้มเอ่ยถามแม้ไม่ผินหน้ามาหา น้ำเสียงฟังดูงัวเงีย ท่าทางจะยังไม่ตื่นดี


"นาย"


ยาม ไร้อาภรณ์ปิดบัง หลายๆอย่างที่ไม่เคยได้เห็นในยามปกติก็ได้เห็น จางฉี่หลิงมองหลังคอของคนข้างกายบนฟูกหลังเดียวกัน จุดดำเม็ดเล็กๆนี่เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน


อาจเป็นเพราะฤดูร้อน ของหังโจวปีนี้มุ่งมั่นทำร้ายทำลายทั้งร่างกายทั้งสติสตังค์ที่ต้องตั้งมั่น ปานหินผาของเถ้าแก่อู๋มากเกินไปจนทนไม่ไหว เมื่อวานเจ้าตัวถึงกับตบะแตก สั่งให้ลูกน้องเจ็ดร้อยหยวน(เห็นว่าขึ้นเงินเดือนให้แล้ว ไม่รู้ทำไมคนๆนั้นถึงยังร้องไห้)ไปเหมาไอติมจากร้านสะดวกซื้อมาแช่เต็มตู้ เย็น ส่วนตัวเองก็บอกเขาว่าจะออกไปข้างนอกสักพักทั้งๆที่แดดจ้าจนผิวแทบไหม้


เมื่อดวงตะวันเริ่มคล้อย ฟ้าทอสีส้มและแดดแผดเผาอ่อนกำลัง อู๋เสียก็กลับมา พร้อมกับผมที่สั้นกว่าเดิม


"ไว้ ยาวแล้วมันร้อน ฉันเองก็ยุ่งๆจนไม่ได้ตัดตั้งนาน แบบนี้น่าจะเย็นขึ้นนิดนึงล่ะมั้ง" คนตรงหน้าดูอารมณ์ดีขึ้น ก่อนเดินมาหาเขาที่นั่งข้างหน้าต่าง ลูบเส้นผมสีดำที่เริ่มยาวจนดูทิ่มหูทิ่มตา


"นี่ไม่ร้อนบ้างรึไงเสี่ยวเกอ?"


เหงื่อผุดพรายบนไหปลาร้า เสื้อกล้ามสีขาวเปียกชื้นชวนเหนอะหนะ ใบหน้านิ่งงันปานรูปสลักหิน





...ร้อน...




คือคำตอบที่เขาไม่ได้ตอบออกไป



เฉก เช่นเดียวกับหลายๆเรื่องที่ผ่านมาสำหรับคนใบ้จาง หากไม่ตอบสนองต่อสิ่งต่างๆรอบตัวด้วยความเมินเฉยแสนเย็นชา เขามักใช้การกระทำอันคาดเดายากแทนคำตอบ



หรือบางครั้ง...แค่สายตา






ครั้น ประตูร้านปิดลงและลูกจ้างคนสนิทของอู๋เสียกลับไป ความปรารถนาที่คนสองคนมีตรงกันก็ดำเนินไปตามแต่ที่มันควรจะเป็น เริ่มบรรเลงอย่างเรียบง่ายทว่าแผลงฤทธิ์ดุดันตามเสี้ยววินาทีที่ผันผ่าน


ความ เหนื่อยล้าทำให้อีกฝ่ายหลับลึกไปอย่างง่ายดาย เจ้าสกุลจางผู้แกร่งกล้ายามลงกรวยโอบอ้อมแขนรอบร่างอีกฝ่าย ให้ลมหายใจสม่ำเสมอจากโลกทั้งใบรินรดบนลำตัวกิเลนพาดผ่านบ่า


ถ้า ไม่ใช่เพราะว่าหลับใหลเสียจนคลายอ้อมแขนลงหรืออู๋เสียนอนดิ้นจนพลิกตัวออกไป นอนหันหลังให้ จางฉี่หลิงอาจจะไม่ได้ใช้แสงแดดแรกของวันสำรวจหลังคอของอีกฝ่าย เรือนผมที่ปกติปกปิดไฝเม็ดนั้นคงจะหายไปเมื่อบ่ายวานนี้นี่เอง





"ทำอะไร...?"



"นาย"



ปลายนิ้วเขี่ยจิ้มแน่นิ่งที่ต้นคอ



"มีไฝอยู่ตรงนี้"



บังเกิดความเงียบชั่วครู่ ก่อนอู๋เสียจะยกมือขึ้นลูบๆบริเวณที่นิ้วของเขาเที่ยวไล่วนไปมา "มีตรงนี้ด้วยเหรอเนี่ย"


"นายไม่รู้?"


"อื้ม ไม่เคยมีคนทักฉันมาก่อน คนที่บ้านก็ไม่เห็นพูดเลยสักครั้ง"


ในที่สุดคนผมสั้นก็หันหน้ามา



"ถ้านายไม่บอก ฉันคงไม่รู้"






...'ถ้านายหายไป อย่างน้อยฉันจะรู้'...






ประโยคหนึ่งที่คนๆนี้เคยพูดไว้นานมาแล้วช่างคล้ายคลึงกับคำพูดตอนนี้ สร้างความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างในใจ


คนๆ นี้คิดว่ารู้เรื่องของเขาดีกว่าใคร ถ้าไม่รู้ก็จะดั้นดนจนดื้อด้านเพื่อให้รู้ ใช้สิบปีที่เขายอมแลกที่เบื้องหลังประตูสำริดนั่นไปกับเรื่องของตัวเขาเสีย เองทั้งที่ไม่เห็นความจำเป็นเลยสักนิด


ทั้งที่แสนรู้แสนพยายาม ขุดคุ้ยซะขนาดนั้น อู๋เสียคงไม่นึกว่าตัวเองจะมีแง่มุมที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าตัวเองมีเหมือนกัน แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างพื้นที่เล็กๆหลังต้นคอตัวเอง


เล็กน้อยนักเมื่อเทียบกับตัวตนของเขาที่คนไร้เดียงสาตรงหน้าทุ่มเททุกอย่างและพาเขากลับมายัง'บ้าน'


ชีวิต ของเขาที่เคยตั้งมั่นว่าจะทิ้งโลก ทิ้งทุกอย่าง หายใจเพื่อภารกิจเพียงหนึ่งเดียว กลับมีคนๆหนึ่งยินดีหยิบยื่นโลกให้ทั้งใบ ไม่เพียงเชื่อมสายสัมพันธ์ที่เคยสะบั้นไปแล้วไว้กับโลกนี้อีกครั้ง


แม้ผ่านไป10ปี คนๆนี้ก็ยังกลับมา และสานต่อความสัมพันธ์ของเขากับโลกที่เคยห่างร้างลาไปให้ตึงแน่นดังผ้าไหมทอที่รัดรึง


อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง





เพื่อตอบแทนคนตรงหน้า




เพื่อค้นหาและเรียนรู้'โลก'ใบนี้ให้มากขึ้นเท่าที่ก้อนหินก้อนหนึ่งจะทำได้




เทียนเจินอู๋เสียได้แต่นอนงุนงงเมื่อถูกแขนแข็งแกร่งดึงเข้ามาสู่อ้อมอกอีกครั้ง อ้าปากเหมือนจะเอ่ยหากสุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบ



ริมฝีปากอุ่นจรดลงบนตำแหน่งที่ไฝเม็ดนั้นครอบครอง







หากอู๋เสียใช้เวลากว่าค่อนชีวิตเรียนรู้เพื่อเป็น'โลก'ให้เขา




เขาก็ยินดีที่จะใช้เวลาทั้งชีวิต เพื่อเรียนรู้ เฝ้าดูทุกแง่มุมของโลกใบนี้เช่นกัน











และจะขอจดจำมันไว้ แม้สุดท้ายวันจากลาจะมาถึง














Fin.





-----------------------------------------------------------------



Talk





เมากาวเพราะในทวิตพูดกันเรื่องไฝหลังคอท่านประมุขที่มีคนอุตส่าห์ไปเห็นในรูปถ่ายที่ฮีไปเริงร่าที่พม่าอยู่ค่ะ
//เมาอะไรไม่เมา ดันมาเมาจนคลอดฟิคเพราะไฝนพซซ. ถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ

เรา พยายามแล้วที่จะเขียนให้มันอ่านรู้เรื่อง แต่ว่านะ......ไม่รู้ว่าถ่ายทอดสิ่งที่คิดไว้ได้ครบมั้ย ไม่ได้เขียนฟิคเองนานแล้ว นี่เป็นเรื่องที่สองของเต้ามู่แถมใช้เวลานานมาก ไม่ตอบไม่ส่องทวิตมาหลายชม.เพราะมาเขียนนี่แหละ....//ปิดหน้าร้องไห้ฮรือออ ออออออออ

เราอยากให้เสี่ยวเกอได้รู้เรื่องของนายน้อยที่ตัวนายน้อยเองไม่รู้บ้างค่ะ คงเป็นความเห็นใจนายน้อยหน่อยๆแหละที่ต้องวิ่งไล่ตามสืบเรื่องของผู้ชายปาก หนักชอบอมพะนำคนนึงที่โผล่ๆแล้วหายอยู่เรื่อย ก็เลยอยากให้เสี่ยวเกอได้เป็นฝ่ายที่"หัดเรียนรู้โลก"บ้างค่ะ แต่อาจสื่อมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เลยต้องมานั่งเขียนทอล์คตรงนี้ไงเล่า!!!
//หัวโขกพุงนายน้อยเด้งกะเพื่อม

อีก อย่างคือเราอยากให้เสี่ยวเกอได้สัมผัส"ความฟิน"ที่ได้ค้นพบอะไรอย่างที่นาย น้อยรู้สึกด้วยค่ะ (ว่าง่ายๆคือความฟินเวลาเสือกแล้วได้รู้จนได้นั่นเอง lol) เพราะงั้นความรู้สึกประหลาดๆที่เสี่ยวเกอรู้สึกก็คงเป็นแบบนี้เอง เหมือนได้ตอบแทนนายน้อยบ้างประมาณนั้น

จะ ว่าไปตอนเขียนฟิคนี้ก็ใช้คำว่า'โลก'บ่อยเหลือเกิน ติดใจมาจากฟิคก่อนแน่ๆค่ะ 5555 เราว่า'โลก'มันไม่ใช่คำที่จำกัดความแค่ในแง่พื้นที่ที่เราอาศัยอยู่ แต่หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารู้สึกผูกพัน เป็นส่วนหนึ่งของมัน เพราะงั้นโลกของจางฉี่หลิงก็คงเป็น'โลกทั้งใบที่มีตัวตนของนายน้อยอัด แน่นอยู่เต็ม'แน่ๆค่ะ
//ตีพุงนายน้อยดังเพี๊ยะๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น