1/8/58
[OS] Weight Loss (ผิงเสีย)
[OS] Weight Loss (ผิงเสีย)
By Fenrir
“ฮ้า...”
“นายไหวไหม?”
ผมหอบ แทบกระอักลมหายใจตัวเอง
“...ได้อยู่ อึก!”
กัดฟัน เกร็งมือกำผ้าปูที่นอนแน่น แล้วเหลือบหางตาไปด้านหลัง “ต่อสิเสี่ยวเกอ เร็วเข้า”
เหงื่อไหลท่วมหน้า เหนอะหนะจนอยากอาบน้ำ แต่ผมไปจากตรงนี้ไม่ได้ ต่อให้อยากไปใจแทบขาดก็หนีไปไหนไม่พ้น ผมเค้นเสียงลอดไรฟัน อ้อนวอนเขา
“ช่วยฉันที ฉันทนไม่ไหวแล้ว”
เมินโหยวผิงมองผมอยู่ครู่หนึ่งเหมือนกำลังชั่งใจ สุดท้ายพยักหน้า ออกแรงกดร่างผมลงกับเตียง ทั้งเงาและร่างกายของเขาตรึงผมไว้กับที่ต่างตรวน
นิ้วเรียวทั้งสิบกำรอบข้อเท้าทั้งสองข้างของผมยกลอยขึ้น ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดผิวโดยตรงทำให้ผมเกร็งขาอัตโนมัติ
“อู๋เสีย...”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบจากเบื้องหลัง ผมซุกหน้าลงกับหมอน หัวใจเต้นโครมครามๆใกล้ระเบิดจากอก
“ทนหน่อยนะ”
เสี่ยวเกอขยับเข้ามา พับท่อนขาล่างลงไปแนบกับต้นขาด้านหลังจนส้นเท้าชนกับสะโพก ทิ้งน้ำหนักตัวถ่ายลงมาที่ขาของผม เต็มๆ
แล้วเส้นฟางความอดกลั้นเส้นสุดท้ายก็ขาดผึง
“อ้ากกกกกกกก!!!!”
ผมดิ้นแรงเหมือนปลาถูกเบ็ดเกี่ยวขึ้นจากน้ำ แต่เสี่ยวเกอล็อคผมไว้จึงดิ้นไม่หลุด
“อู๋เสีย นายต้องผ่อนคลาย”
ขมับผมกระตุกตุบๆเหมือนโดนตีเป็นหนังหน้ากลองงิ้ว เมินโหยวผิงใช้สองมือทั้งบีบนวดทั้งคลึงน่องของผมหวังให้คลายความตึงสุดโต่ง
“ถ้าเกร็งจะยิ่งเจ็บ ยิ่งหายช้า”
พูดมันง่ายกว่าทำเหอะ ผมกำหมัดทุบฟูกรัวๆ กล้ามเนื้อตึงแน่นเหมือนดามด้วยไม้กระดานตั้งแต่ปลายนิ้วเท้าขึ้นมาถึงเอว ผมชักไม่แน่ใจว่าตกลงให้เมินโหยวผิงช่วยนี่มันจะดีหรือแย่กว่าเดิม แต่ก็พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อผ่อนคลายตามที่เขาแนะนำไว้
ว่าแต่นายจะช่วยกดให้มันเบาๆกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง บีบจนขาฉันจะแบนเป็นหมูแผ่นอยู่แล้ว ฉันยังไม่อยากพิการเป็นอัมพาตตั้งแต่หนุ่มๆนะเฮ้ย!
เหมือนเขาจะอ่านใจผมออกหรือไม่สีหน้าแววตาผมคงออกอาการดีเดือดชัดเจนเต็มที่ แรงกดที่ท่อนขาจึงผ่อนลงเล็กน้อยพอให้รู้สึกหายใจคล่องขึ้น แถมได้รับค่าทำขวัญที่ร้องเสียงหลงเมื่อกี้เป็นบริการนวดฝ่าเท้าจากจางฉี่ หลิง แบบนี้สิถึงเข้าท่าหน่อย ไม่ใช่จับผมงัดขึ้นงัดลงเหมือนตุ๊กตา
“เฮ้ๆ หมูที่ไหนมันแหกปากร้องเมื่อกี้น้องเสี่ยวเกอ ฉันอยู่ในห้องน้ำนี่สะดุ้ง นึกว่าหลังบ้านเทียนเจินมีโรงเชือดเลยว่าจะไปขอซื้อซี่โครงกับขาหมูมาต้มน้ำ แกงให้พวกนายกินซะหน่อย”
เสียงกวนประสาทแม่งลอยมาเข้าหูก่อนตัวซะอีก พออ้าปากจะด่าว่าไอ้ที่ร้องเมื่อกี้มันคนแท้ๆไม่ใช่หมูก็โดนเมินโหยวผิงใช้ จังหวะนี้ออกแรงกดขาผมพับลงให้แนบแน่นกว่าเดิมอีกรอบ!
นายอ้วนเดินเข้ามาพร้อมกะละมังใส่น้ำและผ้าขนหนู มองผมที่อ้าปากพะงาบๆเป็นปลาแล้วหัวเราะตัวโยน ไอ้อ้วนนี่มาโซหรือไงเห็นคนทรมานแล้วหัวเราะชอบอกชอบใจ!
“เอ้าๆ เพลามือหน่อย เดี๊ยวเทียนเจินก็ตายก่อนพอดี” เดินมาตบไหล่ผมป้าบๆแล้วยิ้มกว้าง
“แต่เสี่ยพูดเลยนะ ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเทียนเจินไปทำอะไรมา ที่น้องเสี่ยวเกอกับเทียนเจินคุยกันเมื่อกี้ คนรักเพื่อนที่แสนดีอย่างฉันคงไปมโนว่านายกำลังซัมติงกันอยู่แหง”
กรีดนิ้วป้อมๆทำรูปหัวใจท่าทางตุ้งติ้ง ตาเยิ้มเป็นตาแก่ชอบหลอกแต๊ะอั๋งสาวๆ ผมเห็นแล้วขนลุกพรึ่บ อยากถามเหลือเกินว่าเอาความคิดว่าผมจะทำอะไรลามกๆกับเสี่ยวเกอตลอดเวลามาจาก ไหน (ต่อให้มีบ้างก็เถอะ) ตั้งแต่กลับมาจากฉางไป๋ซานก็เล่นผมแต่เรื่องนี้ นี่ไม่เบื่อบ้างหรือไง
ผมกลอกตา ปล่อยให้คนบ้าแม่งบ้าต่อไปให้หายอยาก ส่วนคนที่ล็อคผมไว้ตอนนี้ก็จัดแจงเอาขาผมลงเรียบร้อย เปลี่ยนมาใช้นิ้วโป้งกดตามจุดต่างๆแทน
ถามว่าผมมาอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง?
ผมบอกเลยว่าเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องชัดๆ
---
ย้อนไปเมื่อวันก่อน เสี่ยวฮัวนั่งเครื่องจากปักกิ่งมาเยี่ยมผม อารามดีใจที่ไม่ได้เจอเพื่อนสมัยเด็กที่ไปพึ่งพาอยู่เรื่อยและญาติอายุใกล้ เคียงกันที่ผมคลุกคลีด้วยมากที่สุดบ่อยนัก เลยเสนอตัวจะเลี้ยงข้าวที่ภัตตราคารชื่อดังในหังโจว
ตอนนั้นผมน่าจะเพลียเอาเรื่องอยู่เพราะอยู่ระหว่างสะสางคดีพวกหน้าด่านกับ พวกที่คิดเล่นไม่ซื่อกับตัวเลขบัญชีที่ผ่านสายตา ระยะหลังผมเลยกินอาหารไม่เป็นเวลา แถมไม่มีเมินโหยวผิงที่ตอนนี้ไปคว่ำกรวยคอยเตือนให้กินข้าว ดังนั้นพอหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ในห้องส่วนตัวแล้วกระเพาะเริ่มร้องประท้วงผม จึงเผลอสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ น่ากลัวว่าแค่คนสองคนจะกินไม่หมด
ผมกับเสี่ยวฮัวเรานั่งกินไปคุยไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกผ่อนคลายสบายใจแถมอาหารก็อร่อย ผมจิ้มตะเกียบเข้าปากเพลิน อาหารพร่องไปเรื่อยๆ ผ่านไปสักพักผมถึงสังเกตว่าเสี่ยวฮัวเริ่มเงียบ ดวงตาคมสวยมองผมเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“มีอะไรงั้นหรือ” ผมถาม ตะเกียบคีบเนื้อไก่ผัดเปรี้ยวหวานเข้าปาก รสสัมผัสนุ่มคละเคล้าซอสและเครื่องปรุงรสกลมกล่อมของเนื้อไก่ทำให้ผมติดใจจน ต้องเรียกบริกรมาสั่งอีกจาน
คิ้วเสี่ยวฮัวกระตุกแว่บนึง หรืออาหารจะไม่ถูกปากเสี่ยวฮัว?
“อาเฮีย อย่าว่าฉันอย่างโง้นอย่างงี้เลยนะ”
เขาประสานมือ ทำหน้าเครียดประหนึ่งเปลี่ยนโหมดอัตโนมัติ กลายเป็นคุณชายสกุลเซี่ยสุดเนี้ยบที่ตอบรับคำเชิญเลี้ยงอาหารของคู่ค้าเป็น หน้าฉากก่อนการเจรจาทางธุรกิจ
“แต่นายเริ่มอ้วนเกินไปแล้ว”
“............หะ?”
ตะเกียบหลุดจากมือกระทบจานดังเคร้ง! หมอนี่พูดเรื่องอะไรอยู่? ยังหัววันแท้ๆแต่ก็เมาแล้วรึไง
ผมเนี่ยนะอ้วน ผมบอกปัดในใจอย่างไม่ต้องคิด ไม่มีทาง ผมไม่ใช่นายอ้วนแซ่หวังซะหน่อยถึงจะลงกรวยหนักแล้วยังพุงหนาเป็นกระสอบพันปี
“ทำหน้าแบบนั้นไม่เชื่อฉันล่ะสิ”
ผมเชิดหน้า “ตรงไหนของฉันกันที่อ้วน กางเกงก็ยังใส่ได้ เสื้อก็ไม่ได้เปลี่ยนไซส์ กรวยก็ยังลงได้สบายๆไม่ติดพุง—“
เสี่ยวฮัวขยับมาประชิดตัวผม ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก อาศัยฝีเท้าที่เบาจากการฝึกปรือวิทยายุทธและศาสตร์แห่งงิ้วโบราณตั้งแต่เด็ก ลุกจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมายืนอยู่ข้างๆ
มือขวายื่นลงต่ำ บีบหนังหน้าท้องของผมหนึ่งที ไม่สิ สองที เฮ้ย นี่มันสามที! เซี่ยอวี้เฉินนายมาดึงท้องฉันเล่นทำไม!
“เจอแล้วนี่ไง”
เขายิ้ม
“ ‘พุง’ ของเถ้าแก่สาม”
พูดจบก็เผ่นแน่บไปนั่งเก้าอี้ ทำท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว ...เซี่ยอวี้เฉินนับเป็นเพื่อนดีที่หาได้ยากยิ่งในวงการนี้ อย่างน้อยเขาก็ช่วยเหลือผมตั้งหลายต่อหลายอย่างมาหลายปี ผมไม่ควรทำลายมิตรภาพระหว่างเรา แต่เสียดายเหลือเกิน ตอนนั้นผมน่าจะขอให้นายแว่นดำช่วยสอนผมใช้ตะเกียบเป็นอาวุธบ้าง เผื่อจะได้จิ้มโดนตัวเสี่ยวฮัวเอาคืนสักฉึกสองฉึก! ต่อให้ผมมั่นใจว่าเขาจะเอาชนะผมได้แม้อีกฝ่ายจะมามือเปล่าหรือมีไม้จิ้มฟัน หักครึ่งเป็นอาวุธก็เถอะ
“มีนิดๆหน่อยๆก็ธรรมดานี่ ใครๆก็มี เสี่ยวฮัวถ้านายเป็นผู้ชายถึงเวลามันก็ต้องมีเหมือนกันบ้างแหละ ไม่ได้น่าเกลียดตรงไหน”
เขาเลิกคิ้ว แล้วดึงเสื้อเชิ้ตสีชมพูตัวเก่งให้ตึงกระชับแนบไปกับลำตัว ให้ตายเถอะ เสี่ยวฮัวรูปร่างดีชะมัด สมแล้วที่ผู้ชายทั้งแท่งมีหุ่นแบบนี้ถึงเล่นตัวนางได้! แต่แม่งนี่ไม่เท่ากับว่าข้อสันนิษฐานของผมเมื่อกี้มันผิดหรอกเหรอ ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนจะมีพุง ต่อให้คนมีพุงน้อยๆพบได้ปกติ แต่คนที่ไม่มีเลยก็มีเหมือนกัน
เสี่ยวฮัวหัวเราะหึๆ ท่าทางสนุกเหลือเกินที่เห็นผมแพ้แบบนี้ นายแม่งโรคจิต!
“เอาหน่าอู๋เสีย ที่บีบพุงเมื่อกี้ฉันล้อเล่น แต่เรื่องที่พูดไปฉันหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ”
มือเรียวขาวประคองถ้วยชาขึ้นจิบ
“นายน่าจะหาเวลาดูแลตัวเองบ้าง ต่อให้คนจะเรียกนายว่าเถ้าแก่สามก็ใช่ว่านายจะต้องทำร้ายตัวเองจนกลายเป็น เจ้าสัวหัวล้านพุงพลุ่ยที่พ้นวัยทองไปแล้ว ทั้งฉันทั้งนายยังไม่แก่ก็จริงแต่อายุเราก็มากขึ้นทุกวันๆ หัดออกกำลังกายไม่ก็ควบคุมอาหารสักหน่อย เอาแต่ทำงานแล้วกินๆนอนๆตามใจปาก ระวังจะแก่เร็วนะอาเฮีย”
ผมอยากเถียง แต่พอเทียบสารรูปตัวเองกับเสี่ยวฮัวที่งดงามเปล่งประกายเสมอ(แม้จะมีตอหนวด โผล่มารำไรบ้าง)ก็พูดไม่ออก ทุกอย่างของหมอนี้มันดูดีเกินไปหมด! ดูเหมือนพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพหรือนักธุรกิจตัวอย่างรุ่นใหม่ไฟ แรงหลุดมาจากหน้านิตยสารพิมพ์สี่สีในสังคมไฮโซมากกว่าเนื้อแท้ของโจรขุด สุสานที่ต้องคลุกคลีกับดินกับศพและทุจริตชนไม่เว้นแต่ละวัน
โอเค เรื่องความดูดีตรงนี้ผมไม่สู้เสี่ยวฮัว แต่ถ้าเรื่องพุงล่ะก็ เถ้าแก่สามขอยืนกรานด้วยเกียรติแห่งสกุลอู๋
ผม ไม่ ได้ อ้วน!
บางทีที่เสี่ยวฮัวพูดอาจจะจริง....
ผมอาจจะเริ่มท้วม....หน่อยๆ..........แต่นี่แค่ระยะเริ่มต้น...ไม่มีอะไรต้องกังวล...............มั้ง?
ผมจ้องตัวเลขบนตาชั่ง เริ่มเหงื่อตก หน้าซีดสลับแดงหลังเจอความจริงซัดใส่หน้ารัวๆ ผมคิดว่าตาชั่งซังกะบ๊วยนี่มันต้องเสียเพราะซื้อมาวางไว้ใต้ตู้แล้วลืมไป แล้วตั้งหลายปี แต่พอให้หวังเหมิงปัดฝุ่นแล้วขึ้นมาชั่งให้ดูก็ใช้ได้ปกติทุกอย่าง
แต่ไอ้ตัวเลขนั่นมันไม่จริงใช่มั้ย! หวังเหมิงแม่งต้องแกล้งล็อคเลขตาชั่งของผมแน่ๆ
หลังปรายตาสั่งให้เจ้ามือขวาตัวดียกตาชั่งไปไว้ที่ชอบๆ ผมเก็บตัวเลขสยองขวัญมาว่ายวนเวียนในหัวตลอดทั้งวัน แม้จะมีเอกสารและตัวเลขหลายร้อยหลายพันตัวที่ตีมูลค่าเป็นเงินหยวนได้มหาศาล ปรากฏบนหน้ากระดาษ แต่ไม่มีตัวเลขไหนในบัญชีทรงพลังได้เท่ากับตัวที่ผมเห็นบนตาชั่งตอนเช้า
ผมเงยหน้าจากเอกสาร คลึงหัวคิ้วตัวเอง รู้สึกเหมือนไมเกรนจะขึ้น ล้วงบุหรี่ขึ้นมาสูบ หวังให้กลิ่นเขม่าควันหอมอ่อนๆที่พ่นจากปากของผมทำให้ใจมันสงบ
แล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่โน๊ตบุ๊คที่พับไว้ ผมคาบบุหรี่ไว้แล้วเอื้อมมือยกข้าวของที่วางทับๆมันแยกออกมา
หน้าจอสีฟ้าสว่างวาบ รู้ตัวอีกทีนิ้วก็พรมรัวลงบนคีย์บอร์ด เสิร์ชหาคลิปออกกำลังกายในอินเตอร์เน็ต
มือขวาวางลงบนเม้าส์ ขยับลากเลื่อนหน้าจอขณะกวาดลูกตาสำรวจคลิปที่มีอยู่ดาษดื่นปะปนกับแบนเนอร์ โฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีไม่น้อยเลยที่โอ้อวดสรรพคุณว่าลดได้แฟ่บเร็ว ผมข้ามๆโฆษณาพวกนั้นเพื่อดูรายละเอียดคลิปออกกำลังกายอย่างจริงจัง ผลคือการออกกำลังกายที่เน้นลดน้ำหนักกระชับรูปร่างส่วนใหญ่ร้อยละ90ก็มีแต่ เต้นๆโยกๆทั้งนั้น
เวรกรรมของเถ้าแก่สาม อายุย่าง40อย่างผมยังต้องมาเต้นกะโหยงกะเหยงหน้าทีวีเพื่อฟิตหุ่นเหมือนสาวๆ วัยรุ่นจอมพารานอยน์ทั้งที่เอวก็เท่ามด เกิดมีใครมาเห็นได้หัวเราะตาย หมดกันทั้งราศีและภาพลักษณ์ที่สะสมมา!
ระหว่างที่ผมกำลังสองจิตสองใจมือก็เลื่อนเม้าส์ขึ้นลงเรื่อยเปื่อย ผมพลันสะดุดตาคลิปๆหนึ่งที่แปลกแยกแตกต่างมาจากคลิปเต้นอื่นๆ พอลองดูคลิปนั้นจนจบก็รู้สึกว่าทำแบบนี้ท่าทางไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อนหรือ น่าอายเลย หนำซ้ำใช้พื้นที่และเวลาต่อครั้งไม่มาก ผมทำคนเดียวเงียบๆสบายๆทุกวันก็ยังได้
ผมยิ้มออก เอาวะ ลองดูหน่อยจะได้ไม่เสียชื่อเถ้าแก่สาม ถ้าเวิร์คจะได้ทำต่อ ดีไม่ดีลบคำสบประมาทร้ายกาจของเสี่ยวฮัวได้ด้วย
--------------
ผมเดินไม่ได้
จางฉี่หลิงดูตกใจไม่น้อยที่จู่ๆผมก็ทรุดฮวบลงไปต่อหน้า ยังดีที่เอามือยันพื้นไว้ได้ทัน คางจึงไม่ไปกระแทกกับอะไรเข้า แต่แรงก็ดันไปถ่ายลงที่ข้อมือหมดจนความรวดร้าวค่อยๆแล่นขึ้นมาจนชาวาบทั้ง แขน ให้มันได้อย่างนี้สิ! แค่จะเดินไปหาคนยังทำไม่ได้เลย!
ผมได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆสะเทือนพื้นกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดของบันไดไม้ใกล้เข้า มา เป็นนายอ้วนหวังที่สะพายเป้เปื้อนฝุ่นเปื้อนดินพะรุงพะรัง แต่มือกลับถือถุงพลาสติกพิมพ์โลโก้ร้านเป็ดปักกิ่งเจ้าดังของเมืองข้างๆ
“เซอร์ไพรส์! ไหนดูซิว่าคนหล่อที่ไหนมา! เสี่ยกลับมากับน้องเสี่ยวเกอด้วย งานนี้เจอกรวยอวบต้องฉลองกัน--อ้าวนี่ นายไปนอนทำอะไรตรงนั้น?”
หน้ากลมแป้นหุบยิ้มดูสับสน เสี่ยวเกอปราดเข้ามาประคองไหล่ผมให้ค่อยๆลุกขึ้น นั่นช่วยอะไรไม่ค่อยได้เพราะผมไม่พร้อมจะลงน้ำหนักที่ขาให้เป็นฐาน ผมเลยเหมือนโดนเขาหิ้วปีกอยู่กลายๆ เป็นหุ่นเชิดที่สายชักขาดเรียบร้อย
สภาพของสองคนที่เพิ่งกลับมามอมแมมดูเหนื่อยล้า แต่ก็ยังอุตส่าห์อุ้มผมไปไว้ที่เตียง ซักไซ้ไต่ถามอาการ
“นายทำอะไรมา ล้มไปแบบนั้นนึกว่าคิดถึงน้องเสี่ยวเกอจนหัวใจวายตาย”
นายอ้วนแซ่หวังพูดแทนคนเงียบขรึมที่นั่งอยู่ข้างๆ เมินโหยวผิงละมือจากหน้าผากไปแตะที่ก้านคอของผม คงจะไม่เจออะไรเลยมุ่นคิ้ว ท่าทางพะวงอย่างคนจับต้นสายปลายเหตุไม่ได้ ไม่แปลกเลยเพราะสาเหตุมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก
“นั่งนานไปหน่อยเลยตะคริวกินล่ะมั้ง..” ผมยกมือก่ายหน้าผาก “ทิ้งไว้อีกเดี๊ยวคงหาย พวกนายมีอะไรก็ไปทำเถอะ น่าจะได้ของดีมาไม่ใช่รึไง”
“ของน่ะได้มาแล้ว มันไม่หายไปไหนง่ายๆหรอกถ้าพวกฉันอยู่ด้วย เถ้าแก่สามตะหากนั่งๆนอนๆอีท่าไหนถึงโดนตะคริวแดกหัวจดตีน”
เมินโหยวผิงหันมามองขาของผม สอดมือซ้ายประคองรับใต้ท่อนขา กำแล้วคลึง กดๆจิ้มๆเหมือนกำลังงัดวิชาปลดกับดักมาใช้กับร่างกายมนุษย์เป็นๆ มือขวาทำไม่ต่างกันแต่ตำแหน่งที่ทาบมือลงไปเป็นบริเวณหน้าแข้ง
เสี่ยวเกอเงยหน้าสบตาผม หน้าตึงเล็กน้อย
“นั่นไง น้องเสี่ยวเกอทำหน้าแบบนี้ไม่ผิดแน่ๆ” นายอ้วนร้อง “เทียนเจิน นายไม่ได้นั่งๆนอนๆที่โต๊ะอย่างเดียวใช่มั้ย คายๆออกมาซะ เสี่ยกับพี่ชายน้อยท่านนี้จะได้รู้ว่าจะทำยังไงต่อ”
ผมกวาดตามองเพื่อนสนิทสองคนแล้วตัดสินใจ นี่เห็นแก่พวกนายที่เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆหรอกนะ.....
“ฉันSquatมา”
เครื่องหมายคำถามลอยเต็มห้อง คนถามและคนตอบล้วนเงียบไปชั่วขณะ
“สคง? สควอท? มันคืออะไร? เสี่ยอ้วนไม่ได้ร่ำได้เรียนภาษาฝรั่งมา มันเป็นรหัสลับเวลาคว่ำกรวยหรือเปล่า?”
นายอ้วนทำหน้างงเต๊ก หันไปหาเมินโหยวผิงเผื่อว่าเขาจะรู้
ผมชี้ไปที่หน้าจอโน๊ตบุ๊คที่เปิดหน้าอีเมลล์ค้างไว้ บอกให้เขาเปิดอีกแท๊บหนึ่ง หน้าต่างเว็บดูคลิปวีดีโอออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ตโผล่หราขึ้นมา
หลังจิ้มคีย์บอร์ดกับคลิกเม้าส์ไปจึ้กสองจึ้ก นายอ้วนกลั้นหัวเราะตัวสั่นกึกๆ อย่าคิดว่าผมไม่เห็น! เสี่ยวเกอเองเมื่อกี้ก็ไปชะโงกหน้าดูด้วยเหมือนกัน เขาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอายเหมือนอย่างนายอ้วน แต่ส่ายหน้า ถอนหายใจแล้วมองผมเงียบๆ คล้ายจนใจ
“ตกลงเทียนเจินนอนแบ๋บเป็นเต้าหู้เพราะนี่หรอกเรอะ” ร่างอ้วนๆทำท่านั่งเก้าอี้ลม ขึ้นๆลงๆเหมือนจะเยาะเย้ยว่าอีท่าออกกำลังแค่นี้ถึงกับทำเถ้าแก่สามหมดสภาพ เอาง่ายๆ นายไม่ลองทำนายไม่รู้หรอกว่าแม่งจะมาเดี้ยงเอาจริงๆก็วันหลังจากทำท่านี้ แค่20นาทีเนี่ยแหละ!
ผมนอนหันหลัง ดึงผ้าห่มคลุมตัว กะว่าถ้านอนให้ร่างกายฟื้นตัวเองแทนที่จะแบกสังขารจากเตียงมานั่งทำงาน เหมือนตอนเช้าอาจจะดีกว่า ตอนนี้นายอ้วนบอกว่าจะไปเตรียมน้ำอุ่นจัดมาให้ เผื่อช่วยประคบคลายเส้นที่ตึงจนลั่นเปรี๊ยะๆได้
ส่วนเมินโหยวผิงขยับมืออีกครั้ง เสนอตัวด้วยใบหน้าเรียบเฉยว่าจะช่วยนวดให้ผมรู้สึกดีขึ้น แล้วมาลงเอยด้วยการที่เขาจับขาผมดัดเหมือนตุ๊กตาจนนอนพังพาบน้ำตาแทบไหลนอง หมอน
ตะวันตกดิน มีโทรศัพท์ด่วนเข้ามาทำให้นายอ้วนที่กำลังตั้งท่าแกะกล่องเป็ดปักกิ่งต้อง รีบไปรับข้างนอกห้อง คุยเสียงดังพลางสบถไปพลางโทษฐานที่โทรมาขัดเวลากินหลังกลับจากกรวยมาหยกๆ สักพักหมอนั่นก็กลับเข้ามา
“ฉันต้องไปก่อน มีปัญหาคนในคณะนิดหน่อย นายอยู่กับน้องเสี่ยวเกอไปก่อนเพราะเสี่ยอาจจะค้างที่โรงแรมเลยคืนนี้ แต่พวกนายอย่าซัดเป็ดฉันหมดนะเว้ย เก็บไว้ถนอมน้ำใจเพื่อนคนนี้บ้าง!”
แว่บเข้ามาคว้ากระเป๋าเงินกับของอีกสองสามอย่างแล้วออกไปอย่างไว พอเห็นหลังอยู่หลัดๆตอนปิดประตูร้านของผม เหลือเพียงเราสองคน เถ้าแก่สามที่นอนเหลวเป็นเต้าหู้ไร้พิษสงกับนายเรือพ่วงจางฉี่หลิงที่นั่ง เฝ้าบนเก้าอี้ข้างเตียง
ผมขยับตัวเพื่อจัดท่าให้ตัวเองนอนสบายขึ้นโดยพยายามไม่ออกแรงที่ขามากเกินไป เคลื่อนไหวยุกยิกอยู่พักนึงจนรู้สึกว่าผ้าห่มถูกเลิกขึ้นจากปลายเท้า
เบือนหน้าไปพบกับจางฉี่หลิง มือทั้งสองแตะน่องของผม ผมเหลือกตา หรือเมินโหยวผิงจะทดลองวิชาฤาษีดัดตนกับผมอีกแล้ว!
ผมตั้งท่าจะกระดึ้บหนีเป็นหนอนให้ห่างจากมือคู่นั้น เลิกลั่กเมื่อนึกขึ้นได้ว่าขยับอีกอีกหน่อยก็เจอหัวเตียงแล้ว แต่เขาทำเพียงลูบเบาๆเหมือนปลอบให้คลายความกังวล หากผมยังไม่วางใจ
“นายไม่ได้จะจับฉันดัดอีกใช่มั้ย”
เสี่ยวเกอมองผม พยักหน้า ก่อนเสนอทางเลือกใหม่ที่ดีกว่า
“ฉันแค่จะนวดให้นายเท่านั้น ไม่ดัดขานายอีก”
“แน่ใจนะว่าจะไม่ดัด”
“อืม”
พอเมินโหยวผิงรับคำ สบตาผมตรงๆ ก็โล่งใจได้เปราะหนึ่ง ผมเปลี่ยนท่ามานอนคว่ำ อำนวยความสะดวกให้ปรมาจารย์จางฉี่หลิงปรนนิบัติพัดวีเถ้าแก่อู๋ได้เต็มเม็ด เต็มหน่วย รู้สึกได้ว่าปลายเตียงยุบลงไป จางฉี่หลิงคงปีนขึ้นมานั่งบนนี้แล้ว
นิ้วทั้งสิบวางลงบนกล้ามเนื้อขาด้านหลังของผม ออกแรงกด ย้ำอย่างรู้จังหวะผ่อนหนักผ่อนเบา ผมหลับตา โครตของโครตความสบาย!
ถ้าผมซื้อห้องแถวสักห้องเปิดร้านนวดแผนโบราณ(พันปี)ให้เขาหันมาเอาดีด้านนี้ แทนการคว่ำกรวย เก็บค่าบริการเป็นรายชั่วโมงเหมือนที่ร้านอื่นๆทำ เมินโหยวผิงจะว่ายังไงนะ
“...อืม..........อื้อ.....!”
ผมกำลังเคลิ้มกับฝ่ามือของเมินโหยวผิงที่บีบนวดไปตามเนื้อตัว สะดุ้งเมื่อมือนักนวดมืออาชีพสอดผ่านชายเสื้อยืด ผมตัวแข็ง
มือซ้ายของหมอนวดจำเป็นยังทำหน้าที่อยู่บนขาของผมทว่าเหมือนมันจะเปลี่ยนตำแหน่งสูงขึ้นมาจากน่องในตอนแรกอยู่โข
“เสี่ยวเกอ ขาฉันมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ มือนายไปไหนกัน”
ไม่มีเสียงตอบ หากเงาที่เคลื่อนมาทาบทับจากด้านหลังช่างเหมือนปีศาจร้ายคืบคลานมาหายามหลับ
มือขวายังคงรุกรานค้างคาใต้สาบเสื้อ ผมนอนนิ่ง เฝ้าดูปฏิกริยาของร่างกายที่ตอบสนองต่อกระแสพายุวาบหวิวชวนขนลุกที่เริ่มโลด แล่นอย่างใจเย็น ผิวหนังส่วนที่ได้รับสัมผัสเหมือนโดนช็อต ปลายนิ้วเย็นสะกิดไตเล็กๆบริเวณอกของผม ก่อนลากฝ่ามือผ่านขึ้นไป เสียดสีอ้อยอิงเหมือนไม่จงใจ ซะที่ไหนกัน!
แล้วน้ำเสียงไร้อารมณ์พลันกระซิบข้างหู
“เห็นว่านายอยากลดน้ำหนัก ฉันช่วยได้”
ผมหูผึ่ง ที่ตอนแรกกะว่าจะเอี้ยวหน้ามาส่งสายตาดุๆกลับกลายเป็นความสนใจ แต่มันเป็นความอยากรู้ที่ก่ำกึ่งกับความหวาดระแวงประหลาด
“ยังไง”
สองแขนของเมินโหยวผิงสอดใต้ตัวของผม ร่างถูกจับพลิกกลับมาอย่างนุ่มนวล ประจัญหน้ากับริ้วเปลวเพลิงพริ้วไหวสีเทาที่ทวีความเข้มทีละน้อยบนเชิง กระดูกไหปลาร้า
ชิบ หาย
ผมกลอกตามองเพดาน รู้ซึ่งถึงเจตนาของอีกคนแล้วขาเหมือนจะออกตัวเจ็บแปล่บๆไปก่อนล่วงหน้า ตอนแรกผมคิดว่าจะยอมให้เขาทำแค่แตะๆ แต่ดูทรงแล้ว ความกระตือรือร้นที่เต้นเร่าชัดๆในดวงตาของขวดน้ำมันจอมเหม่อลอยของผมคงไม่ อนุญาตให้หยุดอยู่แค่นั้น
ให้ตายสิ เสี่ยวเกอแม่ง
“.....จาง...........ฉี่หลิง...........อะ......อ้า.....”
นายให้ฉันออกกำลังกายด้วยตำรับลับหอบ้านสกุลจางหรือไง ถึงต้องส่งเสียงร้องอ้าๆๆแบบนี้!
สาระวันนี้ที่ผม เถ้าแก่สาม ภูมิใจนำเสนอ
มวยปล้ำกับผีผ้าห่มจางฉี่หลิง ผลาญพลังงานส่วนเกินได้ผลดีกว่าไอ้Squatนั่นร้อยเท่า
แต่ขาฉันยังไม่หาย ก็ต้องมาสะโพกครากอีกเหรอวะ!
ถ้าต้องลดน้ำหนักคราวหน้าผมขอปรึกษาเสี่ยวฮัวหรือซิ่วซิ่วแทน จะลุกนั่งหรือเล่นมวยปล้ำก็ไม่เอาอีกแล้ว!
Fin.
------------------------------
Talk
สำหรับใครที่ไม่รู้จักSquat ดูตรงนี้เลยค่ะ >>> https://www.youtube.com/watch?v=auy654Sr30o
เป็นการออกกำลังกายในท่าคล้ายๆนั่งเก้าอี้ลม ทำแล้วขาจะแข็งแรง หุ่นเฟริม แล้วก็ปวดขามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกด้วยค่ะ!!!! ท่าดูเบสิคมากๆแต่เป็นการเกร็งขากับพยายามทรงตัวด้วยน้ำหนักตัวเองให้อยู่ หมัด แค่10-20นาทีดูเหมือนไม่นาน แต่ถ้ามือใหม่หัดเล่นล่ะก็ แค่ก้าวขึ้นเตียงก็ร้าวทั้งตัว ไม่ต้องพูดถึงขึ้นบันไดหรือก้มตัวเลย อยู่ท่าไหนก็ท่านั้น ลุกไม่ขึ้น อาการจะอยู่แบบนี้ราว2-3วันค่ะ Orz"""""" (ประสบการณ์ตรง)
ที่จริงเราแค่อยากให้เสี่ยวฮัวบีบพอนเดอริงอู๋เสีย แล้วเสี่ยวเกอก็มานวดๆให้เถ้าแก่สามแค่นั้นเอง...
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น